094-4639541 info@alldreamdestinations.com

SELIC Memorable Experience in Lipe

พบกันอีกครั้งกับเรื่องเล่าหลังทริปการเดินทาง วันนี้จะมารีวิวการเดินทางของ กลุ่มตัวแทนประกันชีวิต บมจ.อาคเนย์ประกันชีวิตกัน 

โดยทริปนี้เราบินลัดฟ้าสู่ใต้ หาดใหญ่ ไปสัมผัส และเรียนรู้การทำผ้าบาติก ผ้ามัดย้อมด้วยสีจากดินเทอราโรซ่าหรือดินหินปูนผุ ดินที่มีอายุประมาณ 480 ล้านปี ที่ วิสาหกิจชุมชน บ้านปันหยาบาติค สัมผัสทะเลน้ำใสๆ หาดทรายขาวๆ สัมผัสท้องทะเลสีครามแสนสดใส ความสุข สนุกสนาน กับการดำน้ำดูปะการังแบบผิวน้ำ กับเส้นทางการดำน้ำรอบๆ เกาะหลีเป๊ะ มัลดีฟส์เมืองไทย

ให้เหล่าตัวแทน ได้ลิ้มลองอาหารจานอร่อย สไตล์ปักษ์ใต้ กินโรตี ดื่มชาชักที่วอล์คกิ้งสตรีท อิ่มอร่อยไปกับอาหารเมนูคัดสรรจากร้านอร่อยตลอดทริปการเดินทางร่วมทริปสุขใจไปกับทีมงานมัคคุเทศก์มืออาชีพที่คอยดูแลเอาใจใส่ท่านตลอดการเดินทาง พร้อมกับการบริการระดับพรีเมี่ยมจากทีมงานออลดรีมเดสติเนชั่น

เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ทริปนี้เรามีสมาชิกร่วมเดินทางทั้งหมด 120 กว่าท่าน โดยแบ่งการเดินทางเป็น 2 เที่ยวบิน คือสายการบินแอร์เอเซีย และสายการบินนกแอร์ ซึ่งบินออกจาก ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เหมือนกันแต่ต่างกันที่เวลา ได้เวลานัดหมาย สมาชิกที่ร่วมเดินทางครั้งนี้ ทยอยเดินทางมาถึงยังจุดเช็คอินท์กับทีมงานออลดรีมเดสติเนชั่น โดยมีเจ้าหน้าที่ของ บมจ.อาคเนย์ประกันชีวิต ร่วมให้การต้อนรับ ภาพด้านล่าง คุณปีเตอร์ ผู้บริหารของ บมจ.อาคเนย์ประกันชีวิต เดินทางมาถึง สมาชิกร่วมเดินทาง ทยอยกันมา พร้อมกับถ่ายภาพกับป้ายต้อนรับว่ามาถึงแล้วนะส่วนภาพนี้ ช่างภาพทีมงานแอบเก็บทีเผลอมาให้ชมกัน สวยกันอีกแบบหนึ่งเลยทีเดียว เราใช้เวลาในการบินสู่ หาดใหญ่ โดยประมาณ 1.15 ชม. หลังจากที่รับกระเป๋าเดินทางกันเรียบร้อย เราเปลี่ยนการเดินทางเป็นรถบัสจำนวนทั้งหมด 3 คัน สู่ตัวเมืองหาดใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีโดยประมาณ เพื่อไปรับประทานอาหารเช้ากันก่อนอาหารเช้ามื้อแรกของทริปนี้ เป็นร้านอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของหาดใหญ่ คือ ร้านโชคดีแต้เตียมหาดใหญ่ ซึ่งครั้งนี้เราไปทานที่สาขา 2 เนื่องจาก สาขาแรกปิดให้บริการ แต่สูตรทุกอย่างเหมือนกัน ถึงแม้เราจะจองโต๊ะไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยขนาดของกรุ๊ปค่อนข้างใหญ่ ทำให้ต้องเล่นเก้าอี้ดนตรี 555 มาทานร้านนี้ห้ามพลาดสั่ง บะกุ๊ดเต้  ที่ไปทานที่ไหนก้ออร่อยสู้ที่ร้านนี้ไม่ได้ครับ หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว เราออกเดินทางกันต่อไปยัง อ.ละงู จ.สตูล โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชม. เนื่องจากเป็นการเดินทางโดยรถบัส หากเป็นรถตู้จะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ชม. โดยระหว่างทางเราจอดแวะเข้าห้องน้ำกัน 1 ครั้ง แถว อ.รัตนภูมิ 

สถานีต่อไป เราไปทำกิจกรรม Workshop ร่วมกิจกรรมมัดย้อม สกัดสีจากดินท้องถิ่น ผ่านลวดลายฟอสซิลโบราณ ที่ ปันหยาบาติก อ.ละงู จ.สตูล

ผ้าบาติกของที่นี่ แตกต่างตรงลวดลายและวัสดุที่ใช้ในการย้อม ที่นี่นิยมย้อมเย็นโดยการใช้สีจากพืชพรรณที่หาได้ใกล้ตัว มีทั้งแร่ธาตุ ใบไม้ เปลือกที่เกิดขึ้นในพื้นที่อุทยาน เช่น สีแดงอมน้ำตาล ได้จากดินที่ผุผังจากพื้นหินปูนผสมแร่เหล็ก สีเหลืองจากโคลน น้ำตาลเข้มจากเปลือกโกงกาง

ส่วนลวดลายก็มีแบบใช้แท่นพิมพ์ทำลายไปจนถึงการวาดมือต่างๆ เท่าที่สังเกตก็มีทั้งลายเรขาคณิต ลวดลายใบไม้ใบหญ้า ไปจนถึงลายนอติลอยด์และสโตรมาโตไลต์ก็มีอยู่ไม่น้อย

ที่นี่ ผู้บริหาร บมจ.อาคเนย์ประกันชีวิต รอให้การต้อนรับ พร้อมมอบผ้าพันคอมัดย้อมสวยๆ ให้กับผู้ร่วมเดินทาง เป็นการ welcome ตัวแทนประกันฯ อย่างเป็นทางการ หลังจากตัวแทนฯ ทยอยเดินทางกันมาที่ บ้านปันหยาบาติก ครบ น.ส.ปานชีวัน ชัวชมเกตุ ประชาสัมพันธ์กลุ่มปันหยาบาติก ได้กล่าวต้อนรับพร้อมกับอธิบายความเป็นมาของ บ้านปันหยาบาติก โดยสเคป หลังจากนั้น ก้อให้สมาชิกผู้ร่วมเดินทาง ลงมือทำกิจกรรม Workshop ผ้ามัดย้อมกัน ขั้นตอนการทำผ้าบาติก จะต้องลงเทียนก่อนตามลวดลายที่วางไว้บนผ้าที่ขึงตรึงเมื่อเสร็จการมัดลวดลาย ก็ต้องมาผ่านการย้อมสีบนผืนผ้าและนำมาตากแดด ทุกขั้นตอนก็ยังใช้แบบวิธีแบบชาวบ้านกันหลังจากย้อมแล้ว ก้อจะต้องผ่านขั้นตอนมาตากให้แห้ง ก่อนไปลงน้ำยาเคลือบอีกครั้ง เป็นอันเสร็จกระบวนการทำผ้ามัดย้อมได้เวลาสมควรหลังเสร็จกิจกรรม เราออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารลานข้าว ร้านอาหารพื้นเมืองอร่อยของละงู สามารถดูรีวิวร้านอาหารลานข้าวแบบฉบับเต็มได้ มื้อนี้เราเตรียมอาหารที่อร่อย มีความหลากหลายไว้ให้ได้ลิ้มลองหลังจากท้องอิ่มท้องกันแล้ว เราก้อรีบเดินทางไปลงเรือสปีทโบทแบบเหมาลำที่สแตนบายรอแล้ว ณ ท่าเรือปากบารา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก ร้านอาหาร ทีมงานตัดสินใจกันว่า ให้สลับโปรแกรมแวะเที่ยวตะรุเตา และเกาะไข่ ไว้วันกลับ เนื่องจากกลัวน้ำลดบริเวณหน้าหาดพัทยา จะทำให้การขึ้นเกาะมีปัญหา ต้องทำการนั่งเรือหางยาว

หลังจากออกเดินทาง เราใช้เวลาในการเดินทางสู่ เกาะหลีเป๊ะ แบบยิงยาว ประมาณ 1 ชม.เศษๆ ก็เดินทางถึงตัวเกาะหลีเป๊ะ

หลังจากเราเดินทางถึงเกาะหลีเป๊ะ ในส่วนการจัดการของกระเป๋า เรามีทีมขนบริการไปยังห้องพักให้ และสำหรับทริปนี้ เราพักกันที่ บันดาหยารีสอร์ท ริมหาดพัทยา อยู่ใกล้ถนนคนเดิน Lipe walking street รีสอร์ทแห่งนี้ให้บริการห้องพักหลายประเภท มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร มินิมาร์ท สระว่ายน้ำ นวด สปา และห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ 1 เดียวบนเกาะหลีเป๊ะ

หลังจากตัวแทนฯ รับเครื่องดื่มต้อนรับ ผ้าเย็นเช็ดหน้า รับคีย์การ์ดเข้าห้องพักกันเรียบร้อย เราปล่อยให้ลูกค้าพักผ่อนอิสระตามอัธยาศัย เนื่องจากเช้าวันนี้ ตื่นกันแต่เช้าและทำกิจกรรมกันมาทั้งวัน บางท่านก็ยังเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปริมทะเลสำหรับอาหารค่ำวันแรกของทริปการเดินทางครั้งนี้ เราจัดเตรียมไว้ที่ ร้านอาหารบังรูนซีฟูดส์ มื้อนี้เราจัดเต็มให้ตามเคย  ทั้งกุ้งเผา ปูม้านึ่ง?? และอาหารอย่างอื่นอีกมากมาย พร้อมกับฟังเสียงเพลงจากวงดนตรีจากทางร้าน งานนี้ตัวแทนขอร่วมแจมการร้องเพลงกันด้วย เรียกได้ว่า ทั้งร้านเป็นของคณะเราแต่ผู้เดียว อิ่มท้องแล้วกันแล้ว อย่าพลาด ชาชัก?? โรตี บนถนนคนเดิน งานนี้อาคเนย์จัดหนักจัดเต็มเหมือนเดิมครับ จัดโรตีกับเครื่องดื่มชาเย็น หรืออื่นๆ กันท่านละ 1 ชุดเลย โดยทานที่ร้าน นุชโรตีสาขา 1 ซึ่งอยู่โซนกลางของถนนคนเดิน แต่อาจจะคิวยาวหน่อย เพราะกลุ่มลูกค้าเกือบทั้งหมด 120 กว่าท่าน ยังงั้ยต้องกราบขอประทานอภัยมา ณ ที่นี่ด้วยสำหรับความล่าช้า???

มาเข้าวันที่สองของการเดินทางกันครับ หลังจากเมื่อคืนได้พักผ่อนกันเต็มที่ เช้านี้อากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีฝนตก เนื่องจากวันที่เดินทางอยู่ในช่วงรอยต่อของหน้าฝนกับหน้าหนาว 

สำหรับอาหารเช้า เราทานกันที่ ห้องอาหารริมหน้าหาด ของบันดาหยารีสอร์ท จากห้องอาหาร สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน หลังจากอิ่มอาหารเช้ากันแล้ว เรานัดหมายกับ ตัวแทนฯ ที่จะออกไปดำน้ำ ทำกิจกรรมกัน เพื่อรับฟังบรีฟ ทำความเข้าใจสำหรับหลักการดำน้ำตื้น การสวมใส่หน้ากาก การใส่เสื้อชูชีพให้ถูกวิธี ???พร้อมมากสำหรับการออกเดินทางไปดำน้ำ สมาชิกบางท่าน ถือกระเป๋าที่ทางเราทำเป็นของที่ระลึกสำหรับทริปการเดินทางครั้งนี้ก่อนขึ้นเรือสปีทโบทกัน เพื่อออกไปดำน้ำ เป็นธรรมเนียม ที่ต้องบันทึกภาพหมู่กันหน่อย เรียกได้ว่าจัดเต็ม จัดหนัก ทั้งภาพนิ่ง ภาพวิดีโอ บินโดรนจุดแรกที่ไป คือเกาะหินซ้อน ซึ่งอยู่โซนการดำน้ำด้านนอก ในวันที่เดินทาง ฝนตก ฟ้าไม่เป็นใจ ทำให้ได้แต่ชม ไม่ได้ถ่ายภาพมาฝาก เราเลยตัดสินใจไปพักหลบฝนกันที่ อ่าวลิง หลังเกาะดง อ่าวลิง เกาะดง เป็นที่ชื่นชมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อยู่ด้านตะวันออกของเกาะ

เกาะดง เป็นอ่าวลึกกว้างใหญ่ เป็นที่หลบคลื่นของเรือประมง มีหาดทรายขาว สะอาด น้ำใส จะมีฝูงลิงมากมายอาศัยอยู่บนต้นไม้บนโขดหินใหญ่ ฝูงลิงมักจะลงมาทักทายนักท่องเที่ยวเสมอ จุดดำน้ำชมปะการัง ของอ่าวดงเป็นเวิ้งๆ ใกล้ๆ ร่องน้ำ ซึ่งเราได้ใช้อ่าวลิง เป็นจุดสอนการดำน้ำให้กับเหล่าตัวแทนกัน ???หลังจากนั้น เราออกเดินทางไปกันที่ เกาะรอ – กลอย เกาะเล็ก มีภูเขาเล็กๆ เตี้ยๆ แต่มีหาดทรายขาวเนียนทอดยาว เป็นแหลมยื่นออกไป น้ำทะเลใสแจ๋วเป็นสีเขียวมรกต จนได้่รับฉายาว่า ทะเลหยก เดินลงไปทะเลหน่อยเดียวก็สามารถลอยตัวดูปะการังใต้น้ำได้แล้ว เกาะรอ-กลอยเป็นจุดพักผ่อน เล่นน้ำหน้าหาดได้กัน

ที่นี่ยังมีทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนที่ห้ามพลาด มองลงมาจากด้านบน สวยงามจับใจหลังจากอิ่มกับการสัมผัสความเป็นธรรมชาติภายใต้ผืนฟ้ากับพื้นน้ำสีครามที่ @ เกาะรอกลอย แล้ว ได้เวลาออกเดินทางไปหาดทรายขาว เกาะราวี หาดชื่อดังที่ทุกโปรแกรมทัวร์จะต้องจอดให้ขึ้นเกาะ

หาดทรายที่นี่ขาวเนียนสวยละเอียด มองจากทะเล ก็เห็นแนวหาดสีขาวโพลนตัดกับสีฟ้าน้ำทะเลเข้ม น้ำทะเลใสยังกับกระจก บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยร่มไม้ทอดยาว เรือหางยาวมักจะพานักท่องเที่ยวมาที่เกาะราวี เพื่อพักรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ 

เกาะราวีแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ตต. 6 (หาดทรายขาว) และหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ตต. 7 (ตะโละปะเหลียน) มีห้องน้ำ ร้านอาหาร ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม

โดยทางทีมงานออลดรีมเดสติเนชั่น ได้จัดเตรียมอาหารชุดใหญ่แบบบุฟเฟ่ห์ ไว้บริการให้กับสมาชิกที่มาดำน้ำ นอกจากอาหารหลักที่จัดเตรียมมาแล้ว เรายังมีทั้ง เบอเกอรี่่ เค้กจำปาดะหอมอร่อย เจ้าแรกของสตูลมาเสริฟพร้อม รวมทั้งเค้กมะพร้าวอ่อน ชาเย็น เครื่องดื่มต่างๆ เรียกได้ว่าอิ่มกันไปตามๆ กันหลังจากอิ่มท้องกันแล้ว เราก็ปล่อยให้สมาชิกพักผ่อนอริยาบท ซึ่งบริเวณริมหาด ใต้ร่มไม้จะมีเปลญวนไกวให้นั่งเล่นซึมซับบรรยากาศที่สวยสด หน้าหาดน้ำทะใสมากมากแค่เดินลงไปนิดเดียวก็สามารถเห็นความงามของปะการังและดอกไม้ทะเลหลากสี สุดยอดทะเลอันดามันใต้จริงๆ ที่เกาะราวีสถานีต่อไปเราจะไปกันที่ เกาะหินงาม เกาะหินงาม เป็นเกาะขนาดเล็กทางทิศใต้ของเกาะอาดัง ทั้งเกาะเต็มไปด้วยหินสีดำกลมเกลี้ยง มันวาว ยามโดน คลื่นซัดทำให้ ก้อนหินเป็นมันวาวยิ่งขึ้น กลางเกาะเป็นป่าไม้สีเขียวเข้าสมบูรณ์ ในขณะที่เกาะอื่นๆเด่นเรื่องหาดทรายขาวสะอาด แต่เกาะหินงาม ไร้ทรายนี้กลับโดดเด่นกว่าเกาะใดๆในสตูล

เล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาหากใครนำติดตัวไปจะเกิดหายนะ สมัยก่อนมักจะมีนักท่องเที่ยวเรียงซ้อนหินกัน ตามเรื่องเล่าว่าจะโชคดี แต่ในปัจจุบัน ไม่อนุญาตให้เรียงหินแล้วหลังจากถ่ายภาพกับเกาะหินงาม พวกเราก็ปิดท้ายกันด้วย การดำน้ำหลังเกาะหินงาม เกาะเล็กๆ เกาะนี้เป็นแหล่งดำน้ำที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่ง เพียงไม่กี่เมตรรอบเกาะจะได้ชมฝูงปลาหลากสีหลายพันธุ์ และปะการัง ปะการังที่เราสามารถพบเห็นได้บริเวณจุดดำน้ำตื้นด้านทิศใต้ของเกาะหินงาม ได้แก่ ปะการังโขด ปะการังสมองร่องเล็ก ปะการังโต๊ะ ปะการังเขากวาง ปะการังลายดอกไม้ ฯลฯจากจุดนี้ เนื่องจากวันนี้กระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวและแรง ทำให้การดำน้ำค่อนข้างเป็นอุปสรรคและเหนื่อยมากกว่าปกติ ทำให้พวกเราตกลงกันว่า เดินทางกลับเข้าเกาะหลีเป๊ะ โดยตัดโปรแกรมร่องน้ำจาบังออกไป เนื่องจากกระแสน้ำ อาจจะเป็นอันตรายต่อสมาชิกได้ เราใช้เวลาไม่นานในการกลับเข้าเกาะหลีเป๊ะ 

เมื่อเดินทางถึงเกาะหลีเป๊ะ เราปล่อยอิสระให้ตัวแทนฯ พักผ่อนตามอัธยาศัย เตรียมเข้าสู่บรรยากาศงานเลี้ยงมอบรางวัลสโมสรถิ่นไทย เรานัดหมายกันเวลาประมาณ 18.30 น. ธีมงานในครั้งนี้ คือ ครามทูโทนไนท์ปาร์ตี้หลังจากตัวแทนฯ เข้าสู่งานเลี้ยงมอบรางวัลครบ ทางเราได้ขอความอนุเคราะห์ จาก โรงเรียนละงูพิทยาคม อ.ละงู จ.สตูล เพื่อขอให้ น้องๆ นักเรียน มาแสดงโชว์เปิดงานมอบรางวัล ในชุด รำตารีกีปัส ผสมกับการเต้นแบบฮาวาย ทำให้งานเลี้ยงมอบรางวัลมีสีสัน ตื่นตาตื่นใจไปตามๆ กันได้เวลาสมควร ผู้บริหาร คุณจิรวัฒน์ พฤกษ์ภูรีพงศ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายตัวแทน และ คุณภารณี เชิดวิศวพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด   ขึ้นกล่าวเปิดงานและต้อนรับตัวแทนฯ ที่ได้เข้าร่วมทริปครั้งนี้ และเป็นการเข้าสู่พิธีมอบรางวัลสโมสรถิ่นไทย ไตรมาส 1,2,3 ประจำปี พ.ศ.2562 อย่างเป็นทางการหลังจากนั้น ได้เชิญผู้บริหารและ EAD ที่ได้ร่วมเดินทางครั้งนี้ บนเวที เปิดงานและถ่ายภาพพร้อมกัน ลำดับถัดมาก็จะเป็นการมอบรางวัลต่างๆ ให้แก่ผู้ที่สามารถทำผลงานได้สูงสุดในแต่ละระดับของไตรมาส และ รางวัลสโมสรถิ่นไทยต่อเนื่องในปี 2562 ที่ผ่านมาหลังจากเสร็จการมอบรางวัล ก้อเป็นกิจกรรมเล่นเกมส์ แจกของรางวัล ให้กับผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงมอบรางวัลครั้งนี้ รวมถึงการจับของรางวัล บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม จากผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงมอบรางวัลในคืนนั้นหลังจากนั้นก็สนุกสนานไปกับการเต้นรำ?? จากวงดนตรีที่ได้นำมาขับกล่อมให้ในงานเลี้ยง และได้ร้องเพลงคาราโอเกะกันอย่างสนุกสนาน อบอุ่นระหว่างตัวแทนฯ ได้เวลาอันสมควร ก็แยกย้ายกันพักผ่อน นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์  เช้าวันที่สามของการเดินทาง เราออกเดินทางจากเกาะหลีเป๊ะกันเวลาประมาณ 09.30 น. จุดหมายแรกของวันนี้คือ การเก็บตก 2 สถานที่ ที่เราข้ามไปวันแรกของการเดินทางจุดหมายแรกของวันนี้คือ เกาะไข่ อยู่ระหว่างเกาะอาดังกับเกาะราวี เกาะไข่ไม่เพียงแต่เป็นทางผ่านเพื่อมุ่งหน้าสู่หาดสวรรค์ทั้ง 2 เกาะเท่านั้น แต่มี เอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามมากนั่นคือ ซุ้มประตูหินขนาดใหญ่ขนาดสูงเท่า หัวขนาดหลายคนเดิน เข้าไป ลอดได้ ซุ่มประตูนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดสตูล ยิ่งไปกว่านั้น เกาะไข่ยังมีชายหาดที่ขาวนวล สะอาด เหมือนสีไข่ น้ำทะเลใสสวยความสำคัญทางธรรมชาติของเกาะนี้ยังเป็นที่เต่าทะเลชอบขึ้นมาวางไข่เสมอและ ในทะเลย่านนี้ยังมีปลาชุกชุม ทางอุทยานฯไม่อนุญาติให้พักแรมบนเกาะเกาะไข่มีความเชื่อว่า หนุ่มสาวคู่ใดที่ได้ ลอด ซุ้มประตูหินนี้จะได้แต่งงานกันนอกจากนี้ในช่วงเทศกาล วันวาเลน์ไทน์จ.สตูลได้จัดให้มีการจดทะเบียน สมรสให้กับคู่บ่าวสาว ณ บริเวณซุ้มเกาะไข่ด้วยจุดหมายต่อไปก่อนเข้าท่าเรือปากบารา เราไปกราบไหว้ศาลเจ้าพ่อตะรุเตา ณ เกาะตะรุเตา ซึ่งเป็นที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา โดยนับเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย

เกาะตะรุเตามีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมื่อปี พ.ศ 2479 มีการประกาศพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นโจรผู้ร้าย กรมราชทัณฑ์ จึงหาสถานที่ที่มีภูมิประเทศเหมาะสม ซึ่งในที่สุดได้เลือกเกาะตะรุเตาและจัดตั้งขึ้นเป็นทัณฑสถาน เพราะเกาะตะรุเตา อยู่ห่างไกลจากฝั่งอยู่กลางทะเลลึก มีคลื่นลมมรสุมรุนแรง มีจระเข้และฉลามชุกชุม เป็นปราการทางธรรมชาติที่สามารถป้องกันการหลบหนีของนักโทษได้อย่างดีหลังจากนั้นเราก้อออกเดินทางกลับเข้าท่าเรือปากบารา โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที แล้วเปลี่ยนการเดินทางเป็นรถบัสจำนวน 3 คัน สำหรับการไปทานอาหารกลางวันปิดทริปการเดินทางที่ร้านปาปาย่ามัม สาขา 2 ปากบารา ร้านอาหารริมทะเล ที่ทางเราได้ปิดร้านเพื่อรองรับกรุ๊ปอาคเนย์ประกันชีวิตโดยเฉพาะเลยหลังจากอิ่มกับอาหารกลางวันแบบจัดหนักจัดเต็ม เราออกเดินทางกลับเข้าตัวหาดใหญ่อีกครั้ง เพื่อไปซื้อของฝาก ที่ ตลาดกิมหยง โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชม.

มีคนพูดว่า “มาหาดใหญ่ ไม่ถึงตลาดกิมหยง ก็เหมือนไม่ได้มาหาดใหญ่” คำพูดที่ทำให้รู้สึกเหมือน ตลาดแห่งนี้เป็นเอกลักษณ์ของหาดใหญ่ไปแล้ว จะว่าไปแล้วตลาดกิมหยงมีตั้งแต่สมัยเริ่มก่อตั้งเป็นเมืองหาดใหญ่เลยทีเดียว

ที่นี่มีให้เลือกทั้งสินค้าท้องถิ่น พวกอาหารทะเลแปรรูป เช่น ปลาหมึก ปลาเค็ม กะปิคุณภาพดี และเป็นพวก ขนมนำเข้า อาหารแห้ง ผลไม้อบแห้ง ถั่ว ชา กาแฟ ส่วนใหญ่จะราคาไม่แพง

ได้เวลาเดินทางเข้าท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ และเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์เอเซีย และสายการบินนกแอร์ ตามลำดับ โดยสวัสดิภาพ พร้อมรอยยิ้มของความสุข ความประทับใจ ตลอดการเดินทางครั้งนี้ สำหรับพวกเราทีมงานออลดรีมเดสติเนชั่น ต้องขอขอบพระคุณ ??? ทีมคัดเลือก บมจ.อาคเนย์ประกันชีวิต ที่ไว้วางใจ ให้พวกเราทีมงานได้ดูแลทริปการเดินทางครั้งนี้ ทางเราหวังว่าจะได้บริการทุกท่านอีกในครั้งหน้าต่อไป

เป็นไงกันบ้างสำหรับภาพประทับใจที่นำมาฝากกัน ครั้งต่อไปมาดูกันว่าจะพาไปชมภาพทริปไหนอีก

SELIC Memorable Experience in Lipe

อย่าลืมติดตามกันนะครับและสำหรับครั้งนี้ขอกล่าวคำว่า ขอบคุณและสวัสดีครับ???

สามารถรับชมวิดีโอภาพความประทับใจตลอดการเดินทางได้ตามลิ้งค์วิดีโอด้านล่างครับ

Leave a Reply

Recent Comments

    Tag Cloud

    Chokdeedimsum Lyreco Lyreco CSR Day Lyreco Thailand Passport passport auto channel V.GROUP HONDA CARS กระดูกหมูน้ำแดง กิจกรรม CSR ขนมจีบ ขนมจีบกุ้ง ขนมจีบปู ครัวท้องถิ่น ครัวผู้ใหญ่จอย ครัวผู้ใหญ่จอยคลองโคน ครัวม่อนไข่ จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า ซาลาเปา ดำเนินพวารีสอร์ท ดำเนินพวารีสอร์ทบ้านต้นไม้ ทัวร์ดานัง ทัวร์มัลดีฟส์ ทัวร์วีไอพีดานัง บะกุ๊ดเต้ บานาฮิลล์ บ้านลุงชวนสวนป้าติ๋ว ปากน้ำประแสร์ พาสปอร์ต รับจัดทัวร์บริษัท รีวิวร้านอาหาร รีสอร์ทบ้านต้นไม้ ร้านอาหารปรีชาซีฟูดส์ ร้านอาหารสมุทรสงคราม ร้านอาหารอร่อยคลองโคน ร้านอาหารอร่อยเมืองกาญจน์ วัดหลินอึ๋ง วีกรุ๊ปฮอนด้าคาร์ส์ อาหาร ฮะเก๋า เที่ยวบานาฮิลล์ เที่ยวมัลดีฟส์ แต่เตี้ยม โชคดี โชคดีแต่เตี้ยม ้ร้านอาหารอร่อย
    Title ×