094-4639541 info@alldreamdestinations.com

กาญจนบุรี…..สวนผึ้ง แดนสวรรค์ตะวันตก จุดนัดพบของความสุข สนุกทุกอณู

กลับมาอีกครั้ง กับทริป “ที่นี่มีแต่เพื่อน” ที่เฝ้ารอกันมานาน และอีกครั้งกับทริปนี้ ที่บอกว่า จัดเต็มทุกอณูของความสุข ความสุดของที่พัก ทริปนี้จะพาไปเที่ยว กาญจนบุรี…..แดนสวรรค์ตะวันตก จุดนัดพบของความสุข สนุกทุกอณู กาญจนบุรี พื้นที่สีเขียวไซต์บิ๊กอันอุดมไปด้วยสถานที่ผ่อนคลายจิตใจ ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นนักชิลล์ตัวยง ขาลุยชอบแอดเวนเจอร์ กาญจนบุรีมีครบ กอดหมอกให้ชุ่มใจ สัมผัสความฉ่ำเย็นจากธรรมชาติ ส่งพระอาทิตย์กลับบ้าน ณ เขื่อนศรีนครินทร์ พัก Z9 รีสอร์ท รีสอร์ทเปิดใหม่ แล้วไปเยือน “สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ดินแดนแห่งความโรแมนติค ลมหนาว ขุนเขา สายหมอก ” ท่องเที่ยวเพลิดเพลินใจไปในเส้นทางแห่งม่านหมอกและความโรแมนติค ทริปเที่ยวครบรสที่เมืองโอ่งมังกร เข้าพักที่ ดำเนินพวารีสอร์ท รีสอร์ทบ้านต้นไม้ ที่พักริมคลอง บรรยากาศดี แถมมีออนเซ็นให้แช่ หนึ่งเดียวในอัมพวา อิ่มอร่อยกับเมนูคัดสรร ร่วมทริปสุขใจไปกับทีมงานมัคคุเทศก์มืออาชีพที่คอยดูแลเอาใจใส่ท่านตลอดการเดินทาง พร้อมกับการบริการระดับพรีเมี่ยมจากทีมงานออลดรีมเดสติเนชั่น เที่ยวกับออลดรีมเดสติเนชั่น ฟินยกระดับ โดยทริปนี้ ออกเดินทางกันระหว่างวันที่ 12-14 ก.พ.63 ที่ผ่าน มีสมาชิกร่วมเดินทาง 35 ท่าน ลองมาชมเรื่องเล่าหลังทริปการเดินทางของกรุ๊ปนี้กันครับ ว่ากันฟินทุกระดับความประทับใจจริงๆ

ในทริปนี้ผู้เดินทางเป็นกลุ่มเพื่อนๆ กัน ซึ่งมีความสนิทสนมกันอยู่แล้ว และส่วนทางทีมงานออลดรีมเดสติเนชั่น ก้อได้มีโอกาสทำงานให้กับทางคณะนี้มานานหลายปี ก็ต้องขอขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่านที่ได้เอ็นดูผู้เขียนรวมถึงทีมงานด้วยนะครับ ที่ให้โอกาสเสมอมา เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ

วันแรกของการเดินทาง พวกเราทีมงานก็ไปรอรับคณะที่ สนามบินดอนเมือง ซึ่งจะมีบางคณะเดินทางมาจากเชียงใหม่ ลำพูน ส่วนคณะที่อยู่กรุงเทพ เราก็นัดมาเจอที่เดียวกัน เพื่อความสะดวก เราออกเดินทางกันโดยรถบัสชั้นเดียว 42 ที่นั่ง เพื่อความคล่องตัว เนื่องจากต้องขึ้นสันเขื่อนกัน

จุดแรกที่ไปแวะเช็คอินท์ คือ กราบไหว้ขอพร ที่วัดถ้ำเสือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงไม่น้อย รวมถึงยังถือว่าเป็นวัดที่มีพระที่มีองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี พระเจดีย์ที่มีความสวยงามโดดเด่น สามารถมองเห็นได้จากในระยะไกล เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา ใครที่มาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี สามารถแวะเยี่ยมชมวัด สักการะพระบรมสารีริกธาตุภายในพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท และนมัสการหลวงพ่อชินประทานพร

หลังจากนั้น ก็ได้เวลาอาหารกลางวัน โดยที่เรามีการปรับโปรแกรมการเดินทาง เนื่องจากตารางของเที่ยวบินล่าช้าออกไป โดยมื้อกลางวันวันนี้ จัดให้กับคณะ ที่นี่มีแต่เพื่อน มาทานกันที่ ร้านบ้านลุงชวนสวนป้าติ้ว ร้านอาหารอร่อย ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ส่วนเรื่องรสชาติไม่ต้องบอก พี่ๆ ทุกท่าน บอกว่าอาหารอร่อยม้ากๆ สามารถเข้าไปอ่านรีวิวเต็มตามลิ้งค์นี้ได้เลย ร้านบ้านลุงชวนสวนป้าติ้ว 

ผู้เขียนขออนุญาตนำภาพบางส่วนมาเล่ากันฟังนะครับ ว่าหน้าตาของอาหารจะน่าทานขนาดไหน

หลังจากอิ่มกับอาหารกลางวันกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปยัง Z9 Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดรีสอร์ทหนึ่งในเขื่อนศรีนครรินทร์ โดยเราใช้เวลาในการเดินทางกันยังที่ตัวรีสอร์ท ประมาณ 1.5 ชม. ระยะทาง 80 กม. การเดินทางจะต้องใช้เส้นทางหลวงสาย 3199 (กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์) ผ่านเขื่อนท่าทุ่งนา เขื่อนศรีนครินทร์ ไปยัง หมู่บ้านท่ากระดาน หลังจากนั้น เราจะต้องเปลี่ยนการเดินทางไปยังตัวรีสอร์ท ด้วยรถสองแถว เนื่องจากทางลงไปที่ตัวรีสอร์ท ทางเล็กและทางชัน อันตรายสำหรับรถบัส

ช่วงที่เราเดินทางกันนั้น ระหว่างทางป่าค่อนข้างมีความแห้ง และบางพื่นที่มีไฟไหม้ป่า เนื่องจากเมืองกาญจน์ จะมีอากาศร้อนมากในช่วงหน้าหนาวและหน้าแล้ง เมื่อเราเดินทางถึงตัว Z9 Resort เราก้อได้รับการต้อนรับด้วยเครื่องดื่มสมุนไพร พร้อมผ้าเย็นเช็ดหน้าให้ชื่นใจ  ระบบเข้าห้องพักของที่นี่จะเป็นคีย์การ์ดนะครับ และมีริชแบนด์สายรัดข้อมือ สำหรับเข้าห้องได้อีกด้วย มีข้อดีคือ เราสามารถนำคีย์การ์ดเสียบไว้ที่ห้อง เพื่อเปิดแอร์ แล้วตัวเราสามารถออกไปเล่นน้ำโดยนำตัวริชแบนด์สายรัดข้อมือติดตัวไป แล้วก้อเข้าห้องได้ 

สำหรับ Z9 Resort นั้น Z9 (ซี-นาย) เป็นแรงบันดาลใจที่ได้รับจากชื่อภูเขาซีนาย (Sinai) ในพันธสัญญาแห่งซีนาย (Alliance of Sinai) หรือตูรซีนาอ์ (Tour Sina) ในภาษาอาหรับ กล่าวกันว่าเป็นภูเขาที่โมเสส ตามความเชื่อของยิวและคริสเตียน หรือศาสนทูตมูซาแห่งอิสลาม เข้าไปบำเพ็ญภาวนาและรับบัญญัติ 10 ประการจากพระเป็นเจ้า ในยุคที่ท่านต้องปกครองไพร่ฟ้านับ 10 ล้านคนท่ามกลางความแตกแยกระส่ำระสาย ดังนั้นภูเขาซีนายจึงเปรียบดังสถานศักดิ์สิทธิ์ซึ่งโมเสสได้ขึ้นไปรวบรวมสติไตร่ตรองและเสริมพลังแก่ร่างกายและจิตวิญญาณตนเพื่อกลับมารับภารกิจอันใหญ่หลวง (ตามคำบรรยายของทางรีสอร์ท)

ลองมาชมภาพบรรยากาศของตัวรีสอร์ทกันนะครับ ว่าจะสวยงามน่าพักขนาดไหน จากตัวล็อบบี้ด้านบน เราต้องเดินบันไดลงไปสู่ตัวแพ ซึ่งก้อไม่ไกลมากนัก ตัวแพจะแบ่งเป็น 2 โซน นั่นคือ 2 Room type นั่นเอง

รีสอร์ทแห่งนี้จะมีห้องพักทั้งหมด 19 ห้อง ซึ่งพวกเราก้อเหมาหมดเลยครับ ห้องจะแบ่งเป็น 2 Room type คือ

  1. แบบ Eascape north คือบ้านพักลอยน้ำขนาดใหญ่ 50 ตารางเมตร อยู่ทางทิศเหนือของรีสอร์ท หันหน้าเข้าผืนน้ำกว้างใหญ่และทิวเขางดงามตามท้องเรื่อง สามารถเอากายพักใจและเล่นน้ำได้ที่หน้าบ้านพักที่จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนตัวไวครบครันให้แด่คุณ เหมาะเจาะกับการเติมเต็มพลังกายใจ (สามารถเพิ่มเตียงเสริมได้)

2. แบบ South the scene เบ้านพักลอยน้ำขนาดพอดีสำหรับ 2 ท่าน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ด้านหน้าหันเข้าหาผืนน้ำกว้างใหญ่รับกับภูเขาทางทิศตะวันตก เหมาะสำหรับนั่งชมพระอาทิตย์ตกบนไหล่เขาราวภาพวาดในจินตนาการ (ไม่สามารถเพิ่มเตียงเสริมได้)

สำหรับห้องนี้เป็นของลูกค้าที่ตรงวันเกิดพอดี ทางพี่ที่เป็นผู้จัดทริปนี้ เป็นคนออกแนวคิดการเซอร์ไพรซ์ ทางผู้เขียนเลยสั่งลูกโป่งจากในตัวเมืองกาญจน์ แล้วแอบเอาขึ้นรถบัส ใส่ถุงดำ ไม่ให้เจ้าของวันเกิดเห็น 555 แล้วก้อรีบเอาลงมาใส่ห้องพักที่พี่เขาจับเบอร์ห้องได้ ????

หลังจากนั้นก็ได้เวลาพักผ่อน ให้พี่ๆ ทุกท่านได้เข้าพัก พร้อมที่จะไปร่วมกิจกรรมล่องแพเปียกกัน

พอแดดร่ม ลมตก เราก้อออกไปล่องแพเปียกกันแบบเหมาเลยทีเดียว บนเรือ เราสามารถนำเครื่องดื่ม ลงไปได้นะครับ น้ำแข็ง ก็สามารถสั่งพนักงานได้ แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สำหรับนักท่องเที่ยวที่ออกไปกับเจ้าหน้าที่ทั้งเล่นและไม่เล่นจะต้องสวมเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยนะครับ สำหรับกิจกรรมล่องแพเปียกของที่นี่ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะครับ ไม่ได้รวมไว้ในราคาห้องพัก

หากใครมีวันหยุด แล้วไม่รู้จะไปพักผ่อนที่ไหน ลองมาล่องแพในเขื่อนศรีนครินทร์ดู บอกเลยว่าฟิน เงียบ มีความเป็นส่วนตัว ไปเป็นหมู่คณะก็ดีกระชับสัมพันธ์ได้ดีเลยทีเดียวครับ

สำหรับอาหารค่ำในวันแรกของการเดินทาง เรียกว่าจัดเต็มทุกรูปแบบ ทางทีมงานได้รับอนุมัติให้จัดอาหารแบบเต็มที่ ทานกันไม่อั้น ทั้งอาหารหลัก อาหารว่าง เครื่องดื่ม และแอลกอฮอล์ ของรีสอร์ท กรณีเราสั่งอาหารเป็นแบบ Buffet นั่นจะแตกต่างจากที่อื่น คือ ที่นี่จะมาในรูปแบบเสริฟเป็นจาน แต่จะเสริฟไม่อั้น หมดแล้วเสริฟลงโต๊ะ จะไม่ทำไลน์อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ห์ ผู้เขียนก็เพิ่งจะเจอที่นี่เป็นที่แรก แต่ก็ดีนะครับ เพราะอาหารจะสดใหม่ ร้อน ตลอดทุกเมนูเลย และอีกอย่างข้อดีคือ อาหารจะไม่เหลือทิ้ง เหลือขว้าง

ในช่วงของการรับประทานอาหารค่ำ วันแรก มีการจัดเซอร์ไพรซ์ Happy Birthday ซึ่งทางกลุ่มทำกันทุกครั้ง ครั้งนี้ทางทีมงานก้อจัดเตรียมเค้กเป็นหน้าของเจ้าของวันเกิดเลย ท่านละปอนด์ (ไอเดียจากผู้จัดเลยครับ ต้องยกแนวคิดนี้เลย) งานนี้เจ้าของวันเกิด ปลื้มปลิ่มกันไปเลยทั่วหน้า

รุ่งเช้าวันที่สอง หลังจากหลับสบายกันไป 1 คืน ผู้เขียนตื่นมาสำหรับการถ่ายภาพแสงยามเช้า เช้าวันนี้แสงสวยมาก แต่มีก้อนเมฆอยู่เยอะพอสมควร เช้าวันนี้ไม่มีหมอก อาจจะด้วยอุณหภูมิของความเย็นมีไม่เพียงพอ อารมณ์ของภาพที่ได้ก็จะประมาณนี้เลยครับ 

สำหรับอาหารเช้าของ Z9 Resort จะเริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-10.00 น. ในรูปแบบ Buffet สำหรับอาหารเช้าที่นี่นั้น ค่อนข้างมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูติ่มซำ อาหารไทย ข้าวต้ม หรือจะเป็นในรูปแบบ ABF ไส้กรอก เบค่อน มุมไข่ต่างๆ มุมสลัดบาร์ มุมน้ำผลไม้ น้ำเต้าหู้ และมุมกาแฟสด พร้อมปาท่องโก ขนมปัง ไลน์อาหารฟูลออปชั่นแบบนี้ ถือว่าเหมาะสมสำหรับราคาห้องพักมาก และปริมาณผู้เข้าพักก้อแค่ 38 ท่านเอง ผู้เขียนให้เต็ม 10 คะแนนเลย สำหรับอาหารเช้า แถมยังมีความอร่อยด้วย ☕???

หลังจากอิ่มอาหารเช้ากันแล้ว ได้เวลาสมควร เราจำเป็นต้องอำลา Z9 resort กัน เพื่อเดินทางไปยัง ??? สมุทรสงครามกันต่อ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่พัก ก่อนอำลา พี่ๆ สมาชิกทุกท่าน ก็ขอถ่ายภาพเพื่อเก็บความทรงจำ ว่าครั้งหนึ่งเคยเข้าพักที่นี่ เอาเป็นว่าไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียวงานนี้ ???

หลังจากนั้น เราก็เปลี่ยนการเดินทางเป็นรถบัสคันเดิม ??? เพื่อเดินทางไปยังเมืองมัลลิการ์ ร.ศ.๑๒๔ แลนด์มาร์คเช็คอินท์ห้ามพลาดของเมืองกาญจน์กัน เราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชม.โดยประมาณ เนื่องจากวันที่เดินทางเป็นวันธรรมดา ดังนั้น นักท่องเที่ยวจะมีไม่ค่อยเยอะ

เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 เป็นเมืองโบราณ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 60 ไร่ จำลองวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ในสมัยอดีต ในรัชกาลที่ 5 หลังการประกาศเลิกทาส หากใครที่ได้เข้ามาก็จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นี่…ให้วิถี ให้บรรยากาศของความงดงามในอดีต เกินกว่าที่คิดเอาไว้มากเลยล่ะ” เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ ถือเป็น Landmark แห่งใหม่ของอำเภอไทรโยคครับ เค้าบอกว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมและวิถีชนแห่งแรกในไทย และแห่งเดียวในโลกอีกด้วย !! โอ้วววววว ก็ไม่ผิดแปลกมากมายจากที่เค้านิยามตัวเองไว้เท่าไรนะครับ เพราะข้างในก็จะแสดงวิถีชีวิตแบบไทยให้ได้เห็นจริง ๆ

การเที่ยวชมเมืองมัลลิการ์นั้น เราสามารถซื้อตั๋วเข้าชมด้านในอย่างเดียวก็ได้ แล้วสามารถไปแลกเงินเบี้ยด้านใน เพื่อซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และขนม ของฝากต่างๆ หรือเราเลือกที่จะแต่งองค์ทรงเครื่อง ให้เข้ากับเมืองมัลลิการ์ เราก็ไปเช่าชุดไทยใส่ มีทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย รวมทั้งเด็ก

ผู้หญิง มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่

ราคา 200 บาท : ผ้าสไบ โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มรัด และร่ม
ราคา 300 บาท : เสื้อแขนหมูแฮม พร้อมแพรสะพาย โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มขัด และร่ม

ผู้ชาย

ราคา 150 บาท : เสื้อกุยเฮง โจงกระเบน และผ้าคาดเอว
ราคา 300 บาท : เสื้อราชปะแตน โจงกระเบน

เด็ก

ราคา 50 บาท : เสื้อคอกระเช้าสำหรับผู้หญิง เสื้อกุยเฮงสำหรับผู้ชาย และโจงกระเบน

หมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

หลังจากสมาชิกพี่ๆ ทุกท่านแต่งตัวกันเรียบร้อย ก็ขออนุญาตถ่ายภาพหมู่เพื่อเป็นที่ระลึก แม้อากาศจะร้อนๆ หน่อย ประมาณสิบโมงเช้า แต่พี่ๆ ทุกท่านก็สู้สุดใจ

หลังจากผ่านประตูทางเข้าไปด้านใน ก้อจะต้องผ่านย่านสะพานหัน ซึ่งเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ย่านการค้าของเมืองมัลลิการ์ นั่นเอง ชื่อนี้เรียกตามจาก ลักษณะของตัวสะพานที่ สมัยก่อนนั้นจะเป็นไม้แผ่นเดียวพาดข้ามคลอง ปลายข้างหนึ่งตรึงแน่นกับที่ ส่วนอีกข้างจะไม่ตอกติด จับหันไปมาได้เพื่อให้เรือแล่นผ่านต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างใหม่เป็นสะพานโครงเหล็กพื้นไม้ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนทำเป็นแบบสะพานริอัลโตทีนครเวนิซ และที่ปองเตเวกคิโอ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี คือ เป็นสะพานไม้โค้งกว้าง สองฟากสะพานมีห้องแถวเล็กๆ ให้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน ซึ่งสะพานนี้ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ชอบเสด็จประพาสเพื่อซื้อผลไม้แห้งที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่นลูกพลับแห้ง และผลไม้แห้งต่างๆ นานาชนิด

หลังจากนั้น ก็จะเดินเข้าสู่ย่านการค้า ซึ่งในสมัย ร.ศ. ๑๒๔ มีย่านการค้าที่ขึ้นชื่อและมีสินค้ามากและทันสมัยสำหรับยุคสมัยนั้น ได้แก่

ย่านถนนแพร่งนรา ชื่อถนนมาจากพระนาม “ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ “ ซึ่งมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าชายวรวรรณษกร ต้นราชสกุลวรวรรณ ณ อยุธยา เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาเขียน ทรงรับราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ ตำแหน่งรองเสนาบดี ประทับ ณ วัง ซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนกโปรดให้สร้างขึ้นริมถนนตะนาว มีอาณาเขตต่อจาก วังพระเจ้าบรมวงศ์กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ขณะประทับ ณ วังนี้ โปรดให้สร้างโรงละครขึ้นชื่อโรงละครปรีดาลัย แสดงละครร้องนับเป็นโรงมหรสพแห่งแรกของไทย ในครั้งนั้นสันนิษฐานว่า โปรดให้ตัดถนนผ่านกลางวังพร้อมกับสร้างตึกแถว สองข้าง คนทั่วไปจึงเรียกถนนตามพระนามเจ้าของวังว่า “ถนนแพร่งนรา” นี่คือความรู้คราวๆ ที่นำมาฝากกัน

ได้เวลาสมควร เราก็ออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน กันที่ ร้านคีรีมันตรา ร้านอาหารบรรยากาศดีอีก 1 ร้านของเมืองกาญจน์ครับ ซึ่งตัวร้านอยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจน์ประมาณ 7 กม. ในเส้นทางไปไทรโยค-ทองผาภูมิ 

หลังจากอิ่มมื้ออาหารกลางวันกันแล้ว ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ ไปยัง อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เพื่อไปเช็คอินท์เข้าที่พัก ดำเนินพวารีสอร์ท รีสอร์ทบ้านต้นไม้เปิดใหม่ล่าสุุด โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชม. เมื่อเราเดินทางถึงรีสอร์ท เราได้รับการต้อนรับโดย น้ำมะพร้าวหอมเย็นๆ ชื่นใจ มาพร้อมผ้าเย็นเจี๊ยบ ให้สมาชิกทุกท่านได้เช็ดหน้าเช็ดตากัน

ปล.ภาพด้านล่าง เป็นภาพประกอบของทางรีสอร์ทนะครับ 

ดำเนินพวารีสอร์ท

Lobby

บ้านแบบ Hopbit

รีสอร์ทมีบ้านพักหลากหลายรูปแบบให้เลือก ‘บ้านต้นไม้จากุชชี่’ ใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมอ่างจากุชชี่ให้นอนแช่ชิลล์ๆ ถัดมาเป็น ‘บ้านฮอบบิท’ สุดน่ารักคล้ายๆ ห้องใต้ดินตกแต่งสุดเก๋ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ติดริมน้ำและเป็นส่วนตัว และมี ‘บ้านท่อ’ คล้ายอุโมงค์ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบหรู เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และปิดท้ายด้วยห้องแบบสแตนดาร์ด ซึ่งภายในตกแต่งหรูหรา อลังการเกินคำว่า สแตนดาร์ด แถมขนาดห้องยังใหญ่มากอีกต่างหาก

วันนี้เราเหมาแถบจะทุกห้องพักของรีสอร์ทเลย สำหรับรายละเอียดรูปแบบห้องพักต่างๆ  สามารถเข้าดูรีวิวที่พักฉบับเต็มได้ตามลิ้งค์นี้เลยนะครับ ดำเนินพวารีสอร์ท 

หลังจากที่เข้าห้องพักกันเรียบร้อย ดูท่าทางพี่ๆ ทุกท่านจะมีความสุข กับบรรยากาศของที่พัก ตื่นตาตื่นใจกับห้องพักที่พวกเราทีมงานได้คัดสรรให้พี่ๆ เขาเป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ ส่วนภาพบรรยากาศของพี่ๆ เขา ขออนุญาตไม่นำมาลงนะ เพื่อความเป็นส่วนตัวนิดหนึ่ง

เลยมาเข้าสู่งานเลี้ยงปาร์ตี้คืนที่สองกัน หลังจากคืนแรกที่ Z9 Resort ผ่านไปกันเบาๆ 555 คืนนี้มาในธีมวาเลนไทน์ สีแดงแรงฤทธิ์ ตามความเห็นของพี่ผู้จัด ทางทีมงานก็เลยตกแต่งบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยง ด้วยลูกโป่งสีแดง ชมพู เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ อีกทั้งเรายังนำเครื่องเสียงคาราโอเกะ เข้ามาเองด้วย เพื่อให้ได้ตาามที่เราอยากได้ บอกเลยว่า สิ่งเหล่านี้ ลูกค้าไม่ได้รีเครส แต่พวกเราจัดให้ เพราะพี่ๆ เขามีแต่ให้พวกเรามา 

สำหรับอาหารค่ำในคืนวันงานนั้น บอกเลยว่ามันมืดมาก ถ่ายไม่ทัน 555 แต่ได้ทานแล้ว บอกเลยว่าอร่อยม้าก มาก โดยเฉพาะเมนูปลาหมึกแดดเดียว จริงๆ มันก้ออร่อยทุกเมนูแหละ 

ในช่วงเช้าของวันต่อมา ลูกค้านัดหมายกันว่าจะใส่บาตรกัน ซึ่งบริเวณด้านหน้ารีสอร์ท ริมน้ำ จะมีพระบิณฑบาตรทางน้ำ โดยเราสามารถสั่งชุดใส่บาตรกับทางเจ้าหน้าที่บริเวณ Lobby ในราคาชุดละ 299 บาท ซึ่งตอนเช้าประมาณ 07.00 น. เราสามารถตื่นมาใส่บาตรได้เลย ทางเจ้าหน้าที่รีสอร์ทจะเตรียมไว้ให้เรียบร้อย พร้อมชุดดอกไม้ และอาหารสด พร้อมทั้งเขียนระบุชื่อและห้องพักเรียบร้อย

หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว ก้อได้เวลารับประทานอาหารเช้า มาดูรีวิวอาหารเช้ากันต่อครับ ห้องอาหารเช้า จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-10.00 น. ตอนที่เข้ารับประทานอาหารเช้า ให้ใช้คูปองอาหารเช้ามอบให้กับเจ้าหน้าที่ต้อนรับ หรือกรณีลืมนำมาจากห้องพัก ให้แจ้งเบอร์ห้องพักได้เลย ห้องอาหารเช้าของรีสอร์ท ถือว่าค่อนข้างใหญ่มากทีเดียว ภายในห้องอาหาร โปร่ง โล่ง ตกแต่งดูหรูหรา บรรยากาศสบาย ๆ ล้อมรอบด้วยกระจกใส เหมาะมากถ้ามานั่งกินข้าวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว ซึ่งหลังอาหารเช้าแล้ว ห้องอาหารจะปรับเป็นร้านอาหารทั่วไป ที่รับลูกค้าภายนอกที่ต้องการเข้ามารับประทานอาหาร

ดำเนินพวารีสอร์ท

ดำเนินพวารีสอร์ท

ดำเนินพวารีสอร์ท

หลังจากอิ่มอาหารเช้ากันแล้ว ก็ปล่อยให้พี่ๆ ทุกท่าน อิสระกัน บางท่าน ก็เลือกที่จะหามุมถ่ายภาพสวยๆ กับชุดเครื่องแต่งกายใหม่ เรียกว่าไม่ยอมน้อยหน้ากันเลยกับชาวแก๊งส์ 

ดำเนินพวารีสอร์ท

หลังเช็คเอ้าท์ ก้อได้เวลาออกเดินทางไปยัง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 1.5 ชม. จุดหมายแรกของคณะ คือ ฟาร์มแกะ หรือ เดอะซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม สวนผึ้ง (The Scenery Vintage Farm)  นั่นเอง สถานที่ยอดฮิตโด่งดังในสวนผึ้งที่ต้องแวะถ่ายรูป ให้อาหารแกะและทำกิจกรรมต่างๆ ในหมู่บ้านชาวฟาร์มสไตล์ Vintage ที่รอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านอย่างอบอุ่น

เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปคู่กับสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่ได้รับการออกแบบสไตล์ English Country และกิจกรรมต่างๆ มากมายอาทิ เกมส์ทุบแกะลงถัง ปาลูกโป่ง ทดสอบความแม่นยำกับกิจกรรมยิงธนูแบบถูกวิธี  ขี้ม้า  สนุกกับการแต่งกายและถ่ายภาพสไตล์ Vintage  แวะชิมไอศครีมนมแกะที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย รสชาติ หอมหวาน มันอร่อย คุกกี้นมแกะ  ร้านขายของที่ระลึก  สินค้าตกแต่งบ้าน สินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพ เช่น น้ำผึ้ง  และร้านอาหาร Honey Scene ให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม ไอศครีม พร้อมชมวิวมุมสูงของทุ่งเลี้ยงแกะกลางหุบเขา

ได้เวลาอาหารกลางวันกันอีกแล้ว มื้อนี้จะพาพี่ๆ เขาไปทานที่ ร้านครัวม่อนไข่ ร้านต้องห้ามพลาดของสวนผึ้ง ในทุกๆ ครั้งที่พวกเราได้มีโอกาสพาลูกค้ามาเที่ยวสวนผึ้ง เราจะต้องใส่ร้านอาหารครัวม่อนไข่ไว้ในโปรแกรมเสมอ บางครั้งร้านรับไม่ได้ ก้ออ้อนวอนร้านให้รับหน่อย หาทางเลี่ยงเวลาไม่ให้ชนกับกรุ๊ปอื่น เพราะอะไรเหรอ ก้อร้านนี้อาหารอร่อย อาหารเร็ว ราคาดีงามมากมายคร้าฟ มาลองชมภาพอาหารกันสักสองสามภาพนะ ส่วนรีวิวเต็มของครัวม่อนไข่จะมาแนบลิ้งค์ให้ทีหลัง

สำหรับเมนูนี้คือ น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด หั่นมาเป็นชิ้นแบบครึ่งท่อน ทำให้ทานง่าย พร้อมกับผักกูดลวกราดกะทิ

เมนูต่อมา ต้องบอกเลยว่า ต้องห้ามพลาด เมื่อมาทานอาหารที่ร้าน คือ ปลากะพงทอดราดน้ำปลา ที่นี่จะหั่่นปลาให้เป็นชิ้นแล้วนำลงไปทอด ทำให้เนื้อค่อนข้างกรอบ แต่ด้านในนุ่ม และทานง่ายมาก เราจะไม่เจอก้างที่เป็นอุปสรรคระหว่างการทานของเราเลย 555

สถานที่เช็คอินท์สุดท้ายที่สวนผึ้ง เราได้มีโอกาสพาพี่ๆ มากันที่ บ้านหอมเทียน : ศิลปะแห่งแสงสว่าง มุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งบนเส้นทางสายธรรมชาติ มีเทียนหอม ๆ ที่สร้างสรรค์รูปแบบต่าง ๆ นานา สีสันแปลกตาและลวดลายมีเสน่ห์ ตั้งอยู่เรียงราย ณ “บ้านหอมเทียน” แห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่งในราชบุรี ซึ่งเจ้าของเป็นผู้หลงใหลในศิลปะการทำเทียนหอม และผลงานก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้พบเห็น จึงได้ตั้งบ้านหอมเทียนขึ้น เพื่อรวบรวมผลงานการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร วางจำหน่ายให้ผู้มีรสนิยมคล้ายกัน รวมถึงจัดทำ  Workshop เล็ก ๆ ให้เราลองทำเทียนเก๋ ๆ เป็นของที่ระลึกด้วยตัวเอง แต่ละท่านก็เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อของที่ระลึกกลับบ้านกัน

ได้เวลาพวกเราก็เดินทางเข้าสมุทรสงครามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการพาพี่ๆ ไปทานอาหารเย็นก่อนขึ้นเครื่องบินกลับเชียงใหม่ และส่งคณะกรุงเทพฯ ด้วย มื้อเย็นนี้เราปิดทริปกันแบบจัดเต็มทุกเมนู เมนูไหนอร่อย จัดมา โดยได้พามาทานที่ร้านครัวผู้ใหญ่จอย งานนี้ ขนกันมาแบบกุ้งมา ปูม้านึ่งก้อมา ปูไข่ก็มี สามารถดูรีวิวร้านอาหาร ครัวผู้ใหญ่จอย ได้ตามลิ้งค์นี้เลยนะครับ รีวิวอาหารทะเลรสชาติดี ราคาเบาๆ @ครัวผู้ใหญ่จอย คลองโคน

ปลาทูทอดน้ำปลา ปูม้านึ่งแกะ ปูไข่นึ่งกุ้งแม่น้ำเผา

หลังจากอิ่มกับมื้อเย็นปิดท้ายส่งทริปการเดินทางครั้งนี้ เราก็ออกเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อส่งพวกพี่ๆ สมาชิกทุกท่านขึ้นเครื่องกับเชียงใหม่ สำหรับพี่ๆชาวกรุงเทพฯ ก้อแยกย้ายเดินทางกลับสู่บ้าน โดยสวัสดิภาพ พร้อมรอยยิ้มของความสุข ความประทับใจ ตลอดการเดินทางครั้งนี้  สำหรับน้องทีมงานออลดรีมเดสติเนชั่น ต้องขอขอบพระคุณพี่ๆ คณะ ที่นี่มีแต่เพื่อน VIP ทุกท่านที่ไว้วางใจ เรียกใช้บริการกับทางเราในครั้งนี้ ทางเราหวังว่าจะได้บริการพี่ๆ ทุกท่านอีกในครั้งหน้าต่อไป เป็นไงกันบ้างครับ สำหรับภาพประทับใจที่นำมาฝากกัน ครั้งต่อไปมาดูกันว่าจะพาไปชมภาพทริปไหนอีก อย่าลืมติดตามกันนะครับและสำหรับครั้งนี้ขอกล่าวคำว่า ขอบคุณและสวัสดีครับ

 

 

Leave a Reply

Recent Comments

    Tag Cloud

    Chokdeedimsum Lyreco Lyreco CSR Day Lyreco Thailand Passport passport auto channel V.GROUP HONDA CARS กระดูกหมูน้ำแดง กิจกรรม CSR ขนมจีบ ขนมจีบกุ้ง ขนมจีบปู ครัวท้องถิ่น ครัวผู้ใหญ่จอย ครัวผู้ใหญ่จอยคลองโคน ครัวม่อนไข่ จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า ซาลาเปา ดำเนินพวารีสอร์ท ดำเนินพวารีสอร์ทบ้านต้นไม้ ทัวร์ดานัง ทัวร์มัลดีฟส์ ทัวร์วีไอพีดานัง บะกุ๊ดเต้ บานาฮิลล์ บ้านลุงชวนสวนป้าติ๋ว ปากน้ำประแสร์ พาสปอร์ต รับจัดทัวร์บริษัท รีวิวร้านอาหาร รีสอร์ทบ้านต้นไม้ ร้านอาหารปรีชาซีฟูดส์ ร้านอาหารสมุทรสงคราม ร้านอาหารอร่อยคลองโคน ร้านอาหารอร่อยเมืองกาญจน์ วัดหลินอึ๋ง วีกรุ๊ปฮอนด้าคาร์ส์ อาหาร ฮะเก๋า เที่ยวบานาฮิลล์ เที่ยวมัลดีฟส์ แต่เตี้ยม โชคดี โชคดีแต่เตี้ยม ้ร้านอาหารอร่อย
    Title ×